พรีวิวเจาะลึก-ราคา All-New Honda Civic 2021-2022 โฉมใหม่ 3 รุ่น RS EL+ EL





ราคาจำหน่าย All-New Honda Civic sedan 2021-2022 ทั้ง 3 รุ่นย่อย
2022 Honda Civic รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท
2022 Honda Civic รุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท
2022 Honda Civic รุ่น EL ราคา 964,900 บาท

เปิดตัวในไทย รีวิว ราคา All-New Honda Civic sedan Thailand 2021-2022 ฮอนด้า ซีวิค ซีดาน โฉมใหม่ล่าสุด มี 3 รุ่นย่อย RS EL+ และ EL

สิ้นสุดการรอคอย เมื่อวันนี้ Honda Automobile ประเทศไทย ได้เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ตอกย้ำความเป็นไอคอนของยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมซีดาน ที่พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับวงการยานยนต์อีกครั้ง ด้วยดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง เสริมความโฉบเฉี่ยวเร้าใจไปอีกขั้น ด้วยรุ่น RS ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ถึง 3 โหมด ในทุกรุ่นย่อย แรงทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC TURBO ใหม่ พร้อมระบบเกียร์ CVT ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ยกระดับไปอีกขั้นกับระบบใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) และครั้งแรก กับระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ พร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย



ดีไซน์ภายนอกของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Exhilarating Exterior” สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นซีดานอย่างชัดเจน ออกแบบโดยใช้เส้นสายในแนวนอน ที่ยาวต่อเนื่องจากด้านหน้า ไปจนถึงด้านหลัง ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย มาพร้อมการจัดวางโครงสร้างสไตล์ Low & Wide ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้ตัวถังกว้าง และยาวขึ้นกว่าเดิม เน้นให้มีพื้นที่ภายในโปร่งโล่ง และทัศนวิสัยที่ดี อีกทั้งมีการใช้เทคโนโลยี Roof Braze ในการประกอบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคา ช่วยให้ตัวรถ มีเส้นสายที่สวยงาม และเฉียบคม

-กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่
-ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟท้าย LED แบบ C line ที่แสดงออกถึงตัวตน ความเป็นซีวิคอย่างชัดเจน ออกแบบด้วยเทคนิค Fine Cut เอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ที่ควบคุมการกระจายแสงสว่างอย่างสมํ่าเสมอ ให้แสงไฟชัดเจน และนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
-เสาอากาศแบบครีบฉลาม
-ท่อไอเสียแบบคู่
-ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่
-ช่องเสียบกุญแจ ที่ย้ายไปไว้ด้านใน ที่มือจับประตูรถ เพื่อความประณีตสวยงาม สอดคล้องกับการทำงาน ของระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ
-ดีไซน์ซุ้มล้อ พับและหุ้ม เพื่อเพิ่มความประณีต
-ฝากระโปรงท้าย ที่สามารถเปิดได้ด้วยเพียงจังหวะเดียว
-ก้านปัดน้ำฝนดีไซน์ใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยจะมีช่องฉีดน้ำ อยู่ที่ก้านปัดน้ำฝน และมีการควบคุมปริมาณการฉีด และบริเวณที่ฉีดได้อย่างแม่นยำ ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้ในขณะฝนตก



ยกระดับความสปอร์ตในรุ่น RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า และไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียแบบคู่ พร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 17 นิ้ว เพื่อเพิ่มความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว

ภายในห้องโดยสาร ออกแบบภายใต้แนวคิด “Fine Morning” เน้นการสร้างความรู้สึกที่สดชื่น ของการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ ที่มอบความสะดวกสบายทันที เมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร มาพร้อมกับความเรียบง่าย เน้นอรรถประโยชน์ และเส้นสายที่สวยงาม ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม ในทุกผิวสัมผัส มาพร้อมคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ ที่มีการจัดวางเลย์เอาท์ และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ให้ตอบโจทย์ และใช้งานได้อย่างคล่องตัว สะดวกสบายยิ่งขึ้น กับเบาะที่นั่งผู้ขับขี่ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มาพร้อมโครงสร้างแผ่นเรซิน รองรับสรีระแบบเต็มพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงหลังส่วนบน กระดูกเชิงกราน จนถึงต้นขา เพื่อให้ได้ความรู้สึกในการนั่งที่โอบกระชับ และรับน้ำหนักได้อย่างสมดุล ให้การขับขี่ที่มั่นคง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายในทุกท่วงท่า

ทุกรุ่นย่อย ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว ที่พัฒนาไปอีกขั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจ ด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม สูงถึง 17.2 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่
-ECON Mode – โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ให้สัมพันธ์กับการขับขี่ เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
-Normal Mode – โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
-เพิ่มเติมด้วย Sport Mode – โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ

ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ใหม่ ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดตามช่องของเราทาง Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/CarDebuts-891205251089964

หรือเว็บไซต์ https://cardebuts.com/

Back to top button